เทคนิคในการอ่านภาษาอังกฤษ

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

               12 Months in a year

  1. January         แจนยัวรี          มกราคม
  2. February       เฟบรัวรี           กุมภาพันธ์
  3. March            มาร์ช               มีนาคม
  4. April              เอพริล              เมษายน
  5. May                เมย์                  พฤษภาคม
  6. June               จูน                   มิถุนายน
  7. July                จูไล                 กรกฎาคม
  8. August           ออกัสท์            สิงหาคม
  9. September    เซพเทมเบอะ   กันยายน
  10. October         ออคโทเบอะ     ตุลาคม
  11. November     โนเวมเบอะ      พฤศจิกายน
  12. December      ดิเซมเบอะ      ธันวาคม


วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รายการอาหารภาษาอังกฤษ แบบ เเซ่บๆ มาให้ดูกันนะคะ

               รายการอาหารภาษาอังกฤษ แบบ เเซ่บๆ มาให้ดูกันนะคะ
1. ข้าวสวย = ใช้ว่า steamed rice หรือ boiled rice หรือ rice เฉยๆก็ได้
2. ข้าวเหนียว = glutinous rice
3. ข้าวผัด = fried rice
4. ข้าวผัด หมู ไก่ กุ้ง ปู = fried rice with pork = เนื้อหมู shrimp = กุ้งเล็ก lobster = กุ้งใหญ่ chicken = ไก่ crab = ปู
5. ข้าวหน้าเป็ด = Rice with roast duck
6. ข้าวหมูกรอบ = Rice crispy pork
7. ข้าวอบหม้อดิน = Baked rice with seafood in claypot (claypot คือ หม้อดิน)
8. ข้าวอบกุนเชียงหม้อดิน = Baked rice with Chinese sausage in calypot (Chinese sausage คือ กุนเชียง)
9. ข้าวซี่โครงหมูย่าง = Rice with roast pork spareribs (Spareribs = ซี่โครง)
10. ข้าวอบสับปะรด = Baked rice with pineapple served in a pineapple
11. ข้าวต้ม = Porridge (พอริจ) หรือ Rice porridge ข้าวต้มปลา = Porridge with fish
12. โจ๊ก = Congee (คอนกี่) เช่น โจ๊กหมู = Congee with pork หรือ โจ๊กไข่เยี่ยวม้าหมูเค็ม = Congee with preserved eggs and salted pork

กริยา 3 ช่อง จำเป็นต้องใช้

 กริยาอปรกติ หรือกริยาอปกติ (Irregular Verbs) หรือกริยาสามช่อง
คือ กริยาที่ผู้เรียนต้องศึกษาจดจำเป็นพิเศษ เพราะมีการเปลี่ยนรูปร่างต่างกันไป โดยไม่ได้เติม –ed ต่อท้ายเหมือน กริยาปรกติ (Regular Verbs) ส่วนมากเรียก กริยาอปกติ ว่า กริยา 3 ช่อง


ความสำคัญของกิริยา3ช่อง
การฝึกท่องคำศัพท์ง่ายๆเราควรเริ่มจากการฝึกท่องคำศัพท์กิริยา3ช่องเพราะเป็นคำศัพท์ง่ายๆสั้นๆแต่ถ้าจำได้เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการแต่งประโยค 

PresentPast SimplePast Participleความหมาย
be(is,am,are)was,werebeenเป็น,อยู่,คือ
bearborebornถือ,เกิด
becomebecamebecomeกลายเป็น
beginbeganbegunเริ่มต้น
bendbentbentโค้ง งอ
betbetbetพนัน
bitebitbitten (or bit)กัด ขบ ฉีก
bleedbledbledเลือดออก
blowblewblownพัด เป่า ตี
bringbroughtbroughtนำมา เอามา
buildbuiltbuiltสร้าง ก่อสร้าง
burstburstburstระเบิด
buyboughtboughtซื้อ
castcastcastขว้าง
catchcaughtcaughtจับ ได้รับ
choosechosechosenเลือก
clingclungclungเกาะ เป็นที่พึ่ง
comecamecomeมา
costcostcostราคา
digdugdugขุด
divedived (or dove)divedดำนํ้า
dodiddoneทำ
drawdrewdrawnลาก วาด เขียน
drinkdrankdrunkดื่ม
drivedrovedrivenขับ(รถ)
eatateeatenกิน
fallfellfallenตก หล่น
fightfoughtfoughtต่อสู้
flingflungflungโยน พุ่ง เหวี่ยง
flyflewflownบิน
forbidforbadeforbiddenห้าม ไม่อนุญาต
forgetforgotforgottenลืม
freezefrozefrozenเย็นจนแข็ง
getgotgot (or gotten)เอา ได้รับ
givegavegivenให้
gowentgoneไป
grindgroundgroundบด ลับ
growgrewgrownเติบโตขึ้น
hang (people)hangedhangedแขวนคอ
hang (pictures)hunghungแขวน ห้อย
havehadhadมี
hidehidhiddenซ่อน
hurthurthurtทำอันตราย
knowknewknownรู้
laylaidlaidวาง ออกไข่
leadledledนำ พา
leaveleftleftละทิ้ง จากไป
lendlentlentให้ยืม
lielaylainนอน
lightlitlitจุดไฟ
makemademadeทำ
mistakemistookmistakenทำผิด
paypaidpaidจ่าย ชำระ
quitquitted (or quit)quitหยุด ยุติ เลิก
rideroderiddenขี่ ขับ
ringrangrungสั่นกระดิ่ง ดัง
riseroserisenขึ้น ลุกขึ้น
runranrunวิ่ง
sawsawedsawnเลื่อย
saysaidsaidพูด
seesawseenเห็น
seeksoughtsoughtค้นหา
sellsoldsoldขาย
setsetsetตั้ง วาง จัด
shakeshookshakenเขย่า สั่น
shineshoneshoneส่องแสง
shrinkshrankshrunkหดลง สั้นลง
singsangsungร้องเพลง
sinksanksunkจม ถอยลง
slideslidslidสื่นไถล เลื่อนไป
speakspokespokenพูด
spinspunspunม้วน ปั่นฝ้าย
splitsplitsplitแตก แยก
springsprangsprungโดดอย่างเร็ว เด้ง
stingstungstungต่อย แทง
stinkstankstunkส่งกลิ่นเหม็น
strikestruckstruckตี ต่อย กระทบ
stringstrungstrungผูกเชือก ขึงสาย
strivestrovestrivenพยายาม ขันสู้
swearsworeswornสาบาน ปฏิญาณ
swellswelledswollenโตขึ้น หนาขึ้น
swimswamswumว่ายนํ้า
swingswungswungแกว่ง เหวี่ยง
taketooktakenเอา จับหยิบ
teachtaughttaughtสอน
teartoretornฉีก ขาด
thinkthoughtthoughtคิด
throwthrewthrownเหวี่ยง ขว้าง
wakewokewakenตื่น ปลุก
wearworewornสวม ใส่
weavewovewovenทอผ้า สาน
weepweptweptร้องไห้
wringwrungwrungบีบ คั้น
writewrotewrittenเขียน

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับ 10 ข้อในการจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

     รู้สึกสมองตื้อทุกครั้งเมื่อนึกถึงการที่ต้องท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษซะมากมายใช่ม๊าาาเพื่อนๆ พะดีวะเราไปเจอเคล็ดลับการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาอ่าาาา กะเลยเอามาลงให้ ^^


1. ความเกี่ยวเนื่อง: ถ้านักเรียนจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้นักเรียนจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

2. เขียน: การนำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้นักเรียนจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่


3.วาดรูป: ดึงวิญญาณศิลปินตัวน้อยออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่เรียนอยู่ ภาพที่วาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต


4. แสดง: แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่กำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น


5. สร้าง: ออกแบบสมุดศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วยหล่ะ


6. ความสัมพันธ์: กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้จำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไปนะคะ


7. ฟัง: นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่กำลังเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้นักเรียนจำการออกเสียงของคำใหม่นั้นได้ง่ายขึ้น


8. เลือก: จำไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่นักเรียนชอบหรือสนใจจะทำให้รู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้จำได้แม่นและเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน !


9. ข้อจำกัด: มันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้นักเรียนรู้สึกมั่นใจกลับจะทำให้นักเรียนสมองตื้อแทน


10. สังเกต: พยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คุณกำลังเรียนอยู่เมื่ออ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ

grammar ที่ไม่ควรลืม


grammarที่ใช้บ่อยๆและไม่ควรจะลืม

Verb to be คืออะไร

กริยา Verb to be
คือ คำกริยาช่วยใน Present Tense  (ปัจจุบันกาล)  ใช้ is, am, are (เป็น, อยู่, คือ) แต่ใน Past Tense  (อดีตกาล) ใช้ was were   (เป็น, อยู่, คือ)
is       ใช้กับ He  She  It  และประธานที่เป็นคำนามเอกพจน์
am      ใช้กับ  I เท่านั้น
are     ใช้กับ You  We  They  และประธานที่เป็นคำนามพหูพจน์

Verb to be มีหลักการใช้ ดังนี้

ถ้าเป็นกริยาสำคัญในประโยค มีความหมายว่า เป็น อยู่ คือ
•  ใช้วางข้างหน้า กลุ่มคำ adjective (คำคุณศัพท์)
•  ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของประโยค Continuous (ประโยคที่มี กริยา ing)
•  ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของประโยค Passive Voice (ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ)

หลักการใช้กับประธานในประโยค
1. ถ้าประธานที่เป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 ซึ่งได้แก่ He She It หรือ ชื่อคนคนเดียว สัตว์ตัวเดียว และสิ่งของอันเดียวที่ถูกกล่าวถึง
     Verb to be ที่ใช้คือ is เช่น
* He is a teacher. *Sam is a singer
* She is in the room. *My father is sleeping.
* It is a dog. *The pencil is on the table
2. ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 ( ผู้พูดคนเดียว ) ซึ่งได้แก่ I  Verb to be ที่ใช้ คือ am
* I am a student.   I am under the table.
3. ประธานเป็นพหูพจน์ทุกบุรุษ ซึ่งได้แก่ We You They หรือ ชื่อคนหลาย สัตว์หลายตัว และสิ่งของหลายอันที่ถูกกล่าวถึง Verb to be ที่ใช้ คือ are เช่น
*  We are nurses. *My father and I are in the room.
*  They are policemen. *Suda and her friends are under the tree.
*  You are very good. *The players are in the playground.

การสร้างประโยคที่มี Verb to be ให้เป็นประโยคปฏิเสธ . มีวิธีการดังนี้
เติม not ลงไปในตำแหน่งที่เรียงต่อจาก Verb to be หลัง is, am, are  เช่น
* He is not in the room. *I am not a child.
* They are not teachers. *Suda is not reading.

หมายเหตุ รูปย่อของ ปฏิเสธ Verb to be คือ is not ย่อเป็น isn't
       am not จะไม่ใช้รูปย่อ are not ย่อเป็น aren't
การทำประโยคที่มี Verb to be ให้เป็นประโยคคำถาม Yes No Question มีหลักการดังนี้
เอา Verb to be มาวางหน้าประโยค และเอาประธานของประโยคมาวาง เรียงต่อจาก Verb to be หลังจบประโยค ต้องใส่เครื่องหมายคำถาม เช่น He is in the room. เปลี่ยนเป็น Is he in the room ?
They are soldiers เปลี่ยนเป็น Are they soldiers?
I am a boy. เปลี่ยนเป็น Am I a boy ?


วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิธีการสะกดอ่านเทียบ


วิธีการสะกดอ่านเทียบ

a n = an

เทียบกับภาษาไทย แ-ะ น = แอน
สะกดอานเปรียบเทียบว่า แอะ นอ = แอน

b a g = bag

เทียบกับภาษาไทย บ แ-ะ ก = แบก
สะกดอ่านเทียบเสียงเสียงว่า บอ แอะ กอ = แบก

d i d = did

เทียบกับภาษาไทย ด อิ ด = ดิด
อ่านออกเสียงว่า ดอ อิ ดอ ดิด




**********************

ลองมาฝึกสะกดคำกันดูดีกว่า

ตัวสะกด

b = บ                  bt = บท์
c = ค                  ch = ช    
ck = ค                 ct = คท์
d = ด                dge = ดจ์
f = ฟ                   ff = ฟ     
ft = ฟท์                g = ก  
ge = จ               ght = ท    
k = ค                    l = ล     
ll = ลล์               ld = ลด์   
lf = ลฟ์               lt = ลท์           
mpt = มพท์         m = ม              
mb = มบ์            mf = มฟ์          
mp = มพ์              n = น                 
nd = นด์              ng = ง          
nx,nk = งค์        nce = นส์         
nse = นส์              nt = นท์            
nz = นส์                 p = พ  
pf = พฟ์               ph = ฟ              
pt = มท์                  q = ค           
que = ค               pth = พตซ์         
s = ซ/ส                 sk = สค์            
Ss = ส                   sp = สพ?
st = สท์                    t = ท                
th = ตซ                the = ด              
v = ฟ                     ve = ฟ              
w = ว                       x = กซ์         
xt = คซท์                 y = ย
ye = ย                       z = ส


เทียบเสียงสระในภาษาอังกฤษ

เสียงสระ
a = แอะ                    ai = ไอ                   

au = เอา                  ao = เอา          
ar = อาร์/ออร์           al = อาล์/ออล์
a-e = เอ                  au = ออ                 
aw = ออ                 ay = เอย์            
e = เอะ/อี                ea = อี/เอ
ear = เอีย/แอ          ee = อี                  

ew = อิว                  ey = อี/เอ          
er = เออร์               ere = เอีย/แอ
i = อิ                         ia = เอีย*             
ir = เออ                   i-e = ไอ               
o = โอ/เอาะ/อัน       oo = อู
oa = โอ                    oi = ออย              

or = เออ/ออ           oor = ออ/อัว     
ou = เอา/อู             ow = เอา/โอ
oy = ออย              o-e = โอ/อัน           
u = อุ/อั                   ua = อัว*            
ur = เออร์               uy = ไอ
y = ไอ/อี                ye = ไอ

Trick ในการสะกดคำอ่านเป็นภาษาอังกฤษ

พยัญชนะต้น

b = บ             bl  = บล      br = บร
c = ค / ซ       ch  = ช         cl = คล       

cr = คร             d = ด       dr  = ดร
f = ฟ              fl  = ฟล       fr = ฟร
g = ก /จ         gh = ก         gl = กล       

gr = กร            h = ฮ           j = จ
k = ค              kl = คล     
kr = คร
l = ล               m = ม           n = น
p = พ             ph = ฟ         pl = พล        

pr = พร            q = คว         r = ร        
s = ซ/ส          sc = สค/ส   sch = สค/ช  

scr = สคร       sk = สค          sl = สล 
sh = ช           sm = สม          kn = น
sn = สน          sp = สพ         spl = สพล   

spr = สพร       sq = สคว        st = สท       
str = สทร       sw = สว           z = ส    
t = ท/ต           th = ด/ตซ       tr = ทร
v = วฟ์            w = ว            wh = ฮ/ว      

x = ซ              y = ย             wr = รng = ง*

มายเหตุ * พยัญชนะต้นใช้เฉพาะในภาษาไทย,
คำขีดเส้นใต้ เป็นเสียงนาสิก

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Are you shy to speak english?

The following tips will help you overcome your shy ">_<''


1.Start Practice speech aloud.
 You could hear other people speak English and how to develop better Practice is that we keep talking to them and frequently use English speak it out loud.^_^
2 Plan ahead and warm up before.
If you know in advance that you need to use English in a conversation or a lecture. You should think about where you need it. The training of these words. Try to familiarize yourself with the pronunciation of the words I say. Then you will feel ready to talk to someone about^^
3.Build self-confidence by returning to the simple basics.
People who are shy to speak English is often a fear that we will not allow ourselves to become a comedian or someone else that we did not get a better understanding of what we say. >>>_<<<
We use easy sentence. Familiar as well to start and when you see listening understand and we are confident enough to return to the difficult and complex sentences.
4.   um", "er", or "ah"
  
We should emulate native speaker. If you are not sure what to say or do I stop my words are then sent to the subject.
Such as "um", "er", or "ah" and that will make you think and show the audience that you're going to say. Sometimes the term. "umm" a few times, it gives you her tongue to say so. Out without interruption. :)




คำศัพท์เพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคลิกภาพ

เสริมคำคุณศัพท์ (Adjective) ที่ใช้บอกบุคลิกลักษณะได้แก่

absent-minded =    ใจลอย, ขี้หลงขี้ลืม 
bad-tempered   =    อารมณ์เสีย, หงุดหงิด, โมโห 
chicken-hearted=    ขี้ขลาดตาขาว 
cranky             =  เจ้าอารมณ์, แปลกประหลาด, Having a bad disposition 
creepy             = น่ากลัว, ร่ารังเกียจ, น่ารำคาญ, Of or producing a sensation of uneasiness or fear. 
crusty             =  จู้จี้, ใจร้อน,   Seemingly rough and surly in manner. 
crybaby (n)    =  คนขี้แย, A person who cries or complains frequently with little cause. 
cuckoo           =  คนโง่ หรือคนบ้า, Slang. A foolish or crazy person. 
cunning          =  คนเจ้าเล่ห์, Skill in deception 
curious           =  ชอบสอดรู้สอดเห็น,  most often implies an avid desire to know or learn, though it can suggest an undue interest in the affairs of others 
cursed            =  ชั่วร้าย, อัปรีย์, So wicked and detestable as to deserve to be cursed. 
deep-rooted, deep-seated    =    ฝังลึก, ฝังแน่น, มั่นคง 
dingy              = มอซอ, Darkened with smoke and grime; dirty or discolored. 
dodgy             = เจ้าเล่ห์, ไม่น่าไว้ใจ ; unreliable 
double-faced       =    ที่มีสองแง่, ที่ไม่ซื่อสัตย์, ใช้ได้ทั้งสองด้าน ; hypocritical 
dowdy             = เชย, ล้าสมัย Lacking stylishness or neatness; shabby: a dowdy gray outfit. 
dressy             = หรูหรา, ทันสมัย, ชอบแต่งตัว; Showy or elegant in dress or appearance. 
drowsy            = งัวเงีย, ไม่กระฉับกระเฉง, ครึ่งหลับครึ่งตื่น ; Dull with sleepiness; sluggish. 
eagle-eyed      =    มีสายตาที่เฉียบคมและว่องไว 
fair-minded     =    ยุติธรรม 
fatty                 = อ้วนมาก, Characteristic of fat; greasy. 
feeble-minded =    ซึ่งมีสติปัญญาอ่อน, ซึ่งมีจิตใจอ่อนแอ 
flashy              = หรูหรา,อย่างโอ้อวด, ฉูดฉาด 
frisky              = สนุกสนาน, ร่าเริง, Energetic, lively, and playful: a frisky kitten. 
fussy               = จู้จี้, อารมณ์เสียง่าย, Easily upset; given to bouts of ill temper: a fussy baby. 
gimlet-eyed         =    ซึ่งมีสายตาที่แหลมคม 
goodhearted        =    จิตใจงาม 
good-humored     =    อารมณ์ดี, เบิกบาน 
good-natured       =    ซึ่งมีนิสัยดี, สุภาพ, อ่อนโยน, ซึ่งมีอารมณ์ดี 
good-tempered    =    ซึ่งมีอารมณ์ดี 
greathearted        =    ซึ่งมีจิตใจกล้าหาญ, ใจกว้าง, ไม่เห็นแก่ตัว 
green-eyed          =    อิจฉา, ขี้หึง 
grubby                 =  สกปรก ; Dirty; grimy: grubby old work clothes. 
grumpy                =  อารมณ์ไม่ดี ; Surly and peevish; cranky. 
hard-bitten           =    หนังเหนียว 
hawk-eyed           =    ตาแหลม 
heart-to-heart      =    ตรงไปตรงมา, จริงใจและเปิดเผย 
high-minded        =    ซึ่งมีคุณธรรมสูง 
huffy                    = ซึ่งโกรธง่าย, หยิ่ง, Easily offended; Irritated or annoyed; indignant; Arrogant; haughty. 
husky                   =  กำยำ, แข็งแรง; rough in quality 
hussy                   = หญิงเลว, A woman considered brazen or immoral. 
kind-hearted        =  อย่างหวังดี, ซึ่งกรุณาปรานี 
ladylike               =  มีลักษณะอย่างหญิงผู้ดี 
large-hearted       =    ใจดี, เห็นอกเห็นใจ 
large-minded       =    ใจกว้าง, เปิดกว้างทางความคิด 
left-handed          =    ถนัดมือซ้าย, ไม่จริงใจ, น่าสงสัย (of doubtful sincerity) left-handed flattery; a left-handed compliment. 
light-fingered     =    มือไว 
lightheaded         =    ขี้ขโมย 
lighthearted         =    ไม่มีความกังวล, สบายใจ 
light-minded       =    ไม่เอาจริงเอาจัง, ตลกคะนอง, เหลวไหล 
like-minded        =    มีความคิดเดียวกัน, เห็นด้วย, มีรสนิยมเดียวกัน 
long-sighted       =    ซึ่งมองการณ์ไกล, สายตายาว 
long-winded       =    (พูดมาก)น่าเบื่อ, พูด(เยิ่นเย้อ) 
loose-tongued     =    พูดพล่อยๆ 
lovesick              =     เป็นไข้ใจ 
low-minded        =    มีจิตใจต่ำ, มีใจคอหยาบช้า 
low-spirited        =    หดหู่ใจ, เศร้าโศก, เสียใจ 
lynx-eyed           =    มีตาแหลมคม, มีตาไว 
moody                =     เศร้า, อารมณ์ขุ่นมัว, ขึ้นๆลงๆ, Given to frequent changes of mood 
muddleheaded    =    โง่, สับสน ; confused 
naked                  =    เปลือย, ล่อนจ้อน, ไม่บิดบัง, สิ้นเนื้อประดาตัว 
narrow-minded   =    ใจแคบ, ดันทุรัง, มีอคติ 
nasty                   =     สกปรกมาก, น่าเกลียด, หยาบคาย, ลามก, ขุ่นเคือง,(บาดแผล)ฉกรรจ์, คนที่ร้ายกาจ, disgustingly dirty; morally offensive; malicious; spiteful:very unpleasant or annoying; painful or dangerous 
natty                   = เรียบร้อย, โก้เก๋, ดูดี, กระฉับกระเฉง; Neat, trim, and smart; dapper. 
old-fashioned     =    ล้าสมัย, คร่ำครึ, หัวโบราณ 
one-sided           =    ฟังความข้างเดียว, ลำเอียง 
openhanded      =    ใจกว้าง, มือเติบ 
openhearted      =    ตรงไปตรงมา, เปิดเผย, ใจกว้าง, ใจดี 
open-minded     =    เปิดกว้าง(ทางความคิด), ไม่อคติ 
picky                 =  (ภาษาพูด) จู้จี้, ชอบจับผิด, extremely careful and precise; fussy 
piggy                 =  (ภาษาพูด) ลูกหมู, a little pig 
poky                  = โซ, เชื่องช้า, ปอน, คับแคบ, Dawdling; slow: a lazy, poky person. 
poverty-stricken=     ยากจนอย่างแสนสาหัส 
practiced           =    ชำนาญ 
pudgy                = อ้วนและเตี้ย, Short and fat; chubby: pudgy fingers. 
rattlebrained      =    โง่เง่า 
right-handed      =    (ผู้ที่)ถนัดมือขวา 
right-minded      =    มีความคิดเห็นที่ถูกต้องยุติธรรม 
round-shouldered=     หลังค่อม, หลังโกง 
rowdy                =  คนหยาบคาย, อันธพาล, A rough, disorderly person. 
scary                 = น่ากลัว, ขี้ตกใจ  Causing fright or alarm. ; Easily scared; very timid. 
secluded           =    สันโดษ, วิเวก, เปลี่ยว 
self-centered     =    ถือตนเองเป็นใหญ่, เห็นแก่ตัว 
shamefaced       =     ละอายใจ, กระดาก, ขี้อาย, ขวยเขิน 
shameless         =    หน้าด้าน 
sharp-eyed        =    มีสายตาแหลมคม, ช่างสังเกต, ละเอียดรอบคอบ 
sharp-tougued   =    ปากจัด 
short-handed     =    ซึ่งขาดคน 
short-lived         =   มีอายุสั้น, ไม่จีรังยั่งยืน 
shortsighted       =    สายตาสั้น, ซึ่งไม่นึกถึงอนาคตหรือไม่มองการณ์ไกล 
short-spoken      =    ห้วน 
short-tempered  =    ขี้โมโห, โกรธง่าย 
short-winded     =    หายใจกระหืดกระหอบหรือถี่ๆ, ห้วน, ไม่ปะติดปะต่อ 
simple-minded   =    โง่, สมองทึบ 
single-handed    =    ด้วยตนเองคนเดียว, ไม่มีใครช่วยเหลือ, มีหรือใช้มือเดียว 
single-minded   =     (ใจคอ)เด็ดเดี่ยว, มั่นคงแน่นอน   S. dedicated 
skimpy               = ขี้เหนียว 
skinny                =  ผอมจนเหลือแต่กระดูก ; very thin 
small-minded    =    ใจแคบ 
snappy               = (ภาษาพูด) คล่องแคล่ว,โก้เก๋, เฉียบคม;(Informal) lively or energetic; brisk; smart or chic. 
soft-hearted      =    ใจดี 
soft-spoken       =    ที่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน, ประจบสอพลอ 
sophisticated     =    ไม่เป็นธรรมชาติ, เข้าสังคมเก่ง, ฉลาด, ไม่ธรรมดา 
spirited             =    กล้าหาญ, องอาจ, ร่าเริง 
spooky              = (ภาษาพูด) เหมือนผี, น่ากลัว, ตกใจง่าย Suggestive of ghosts or a ghost 
stiff-necked      =    คอแข็ง, ดื้อดึง, หยิ่งยโส, จองหอง 
stocky               = อ้วนเตี้ย, ล่ำ, ม่อต้อ ; chubby 
stone-blinded    =    ตาบอดสนิท 
stone-deaf         =    หูหนวกสนิท 
strong-minded   =    เด็ดเดี่ยว, แน่วแน่ 
susceptible        =        ถูกชักจูงง่าย, หัวอ่อน, อ่อนไหว 
tenderhearted    =    ใจอ่อน, เมตตา, กรุณา, สงสาร, เห็นใจ 
thickskinned     =    หนังหนา, หน้าด้าน 
thoughtful         =    ครุ่นคิด, ไตร่ตรอง, คำนึงถึง, เอาใจใส่ 
thoughtless       =    ไม่แยแส, ไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น, หยาบคาย, เลินเล่อ 
tongue-tied       =    เขินอายจนไม่กล้าพูด, ประหม่าจนพูดไม่ออก 
tricky                =  เจ้าเล่ห์, ขี้โกง ; sly 
trustworthy       =    เชื่อถือได้, น่าไว้วางใจ 
tubby                 =  อ้วนเตี้ย, ม่อต้อ ; short and fat 
unaware            =    ไม่รู้ตัว, ไม่คาดคิด 
undetermined    =    ลังเล 
uneducated        =    ไม่มีการศึกษา, ไม่ได้รับการศึกษา 
unemployed      =    ตกงาน,ไม่มีงานทำ 
vain                   =   หลงตัวเอง, ไม่มีแก่นสาร 
vicious              =    ชั่วช้า, เลวทราม, ดุร้าย, ร้ายกาจ 
warm-hearted   =    มีไมตรี, ใจดี,มีเมตตา 
wayward           =    เอาแต่ใจ, ดื้อดึง, ไม่เชื่อฟัง 
weak-mined      =   โง่เขลา 
weather-beaten  =  (หน้า, ผิว) คล้ำ เพราะตากแดดตากลม [/color]
weedy               =  ผอมโซ 
well-balanced   =    มีสติ, รู้จักความพอดี, มีเหตุมีผล 
well-being        =    ความผาสุก 
well-done         =    ดีแล้ว, (เนื้อ)สุก 
well-groomed   =    ประณีต 
well-intentioned=    มีเจตนาดี 
well-mannered =    สุภาพ, มีมารยาท 
well-meaning   =    มีเจตนาดี 
well-spoken     =    สุภาพเรียบร้อย 
well-wisher     =    ผู้หวังดี 
well-worn       =    สึกหรอ, เก่า, น่าเบื่อ, ซ้ำซาก 
wholehearted  =    ด้วยความเต็มใจ, เต็มที่ 
wicked            =    เลวทราม, ชั่วร้าย, ร้ายกาจ, ดุร้าย, อยุติธรรม, น่าสะพรึงกลัว, โหดร้าย 
wide-awake     =    ตื่นตัว 
wide-eyed       =    เบิกตาด้วยความสงสัยหรือแปลกใจ, เชื่อคนง่าย, ซื่อ 
worldly-wise   =    เจนจัด 
world-weary    =    เบื่อโลก, เบื่อชีวิต